สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 25-31 กรกฎาคม 2565

 

ข้าว

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
1.1) ด้านการผลิต
(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุม
ค่าเช่าที่นา
(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร (ข้าวพันธุ์ กข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว โครงการเพิ่มปริมาณ
น้ำต้นทุนและเพิ่มพื้นที่ระบบส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน
(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต
(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)
(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และพันธุ์ข้าวเหนียว
(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)
1.2) ด้านการตลาด
(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ และข้าว GAP ครบวงจร
(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โครงการส่งเสริมผลักดันการส่งออกข้าว และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทย เพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
(5) การประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
(6) การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ประกอบด้วย
3 โครงการ ได้แก่
(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อรักษาราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ
โดยให้มีการเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป้าหมายจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2564/65 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกร
ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มีนาคม 2565 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2565) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
2.3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,666 บาท ราคาลดลงจากตันละ 13,713 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.34
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,048 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 9,076 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.31
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 31,250 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,617 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 13,590 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.20
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 842 ดอลลาร์สหรัฐฯ (30,703 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 847 ดอลลาร์สหรัฐฯ (30,864 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.59 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 161 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 411 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,987 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 410 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,940 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.25 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 47 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 416 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,169 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 413 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,050 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.73 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 119 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 36.4642 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะราคาข้าวยังคงอยู่ในระดับทรงตัว ขณะที่อุปทานข้าวในตลาดเพิ่มขึ้นเพราะกําลังมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวฤดูการผลิตฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง (the summer-autumn crop) ไปมากกว่าครึ่งแล้ว ขณะที่ผู้ค้าข้าวในประเทศได้ชะลอการซื้อข้าวเปลือกในช่วงนี้ เพื่อรอให้ถึงช่วงที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากที่สุด ซึ่งราคาข้าวมักจะอ่อนตัวลง โดยราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ระดับ 415-420 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เท่ากับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
วงการค้าระบุว่า ในช่วงนี้ราคาข้าวเปลือกในประเทศปรับตัวลดลง เนื่องจากมีผลผลิตข้าวฤดูใหม่ออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับการที่มีฝนตกบ่อยครั้งในระหว่างการเก็บเกี่ยว ได้ส่งผลให้คุณภาพของข้าวเปลือกลดลง ขณะที่ผู้ค้าบางส่วนระบุว่า กําลังรอดูสัญญาณการซื้อข้าวครั้งใหม่จากประเทศผู้ซื้อที่สำคัญทั้งจากฟิลิปปินส์ และจีน
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
จีน
สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำกรุงปักกิ่ง รายงานว่า สำนักงานศุลกากรจีนได้รายงาน ปริมาณการนําเข้าข้าวของจีนในเดือนพฤษภาคม 2565 มีจำนวน 657,265 ตัน โดยปริมาณเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 จำนวน 60,976 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.6 (ปริมาณนําเข้าข้าวในเดือนเมษายน 2565 จำนวน 596,289 ตัน) โดยจีนนําเข้าข้าวจากแหล่งต่างๆ ดังนี้ (1) อินเดีย จำนวน 243,509 ตัน (2) ปากีสถาน จำนวน 138,888 ตัน และ (3) เวียดนาม จำนวน 130,887 ตัน
ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2565 จีนนําเข้าข้าวสาร (พิกัดสินค้า 1006) จากไทย จำนวน 30,688 ตัน มูลค่าประมาณ 16.795 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 187.4 และร้อยละ 147 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีการนําเข้า จำนวน 10,678 ตัน มูลค่าประมาณ 6.799 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 33.1 และร้อยละ 35.9 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2565 ที่มีการนําเข้า จำนวน 45,856 ตัน มูลค่าประมาณ 26.22 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-พฤษภาคม 2565) จีนนําเข้าข้าวสาร (พิกัดสินค้า 1006) จากไทย จำนวน 325,072 ตัน มูลค่าประมาณ 181.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 91 และร้อยละ 48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีการนําเข้า จำนวน 170,636 ตัน มูลค่าประมาณ 122.643 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ผลผลิตข้าวต้นฤดูในปี 2565 (China's 2022 early rice) คาดว่าจะมีปริมาณเท่าเดิมแม้ว่าบางพื้นที่จะประสบกับภัยธรรมชาติ เช่น อุทกภัย ก็ตาม โดยทางการจีนต้องใช้มาตรการเพื่อลดการสูญเสียผลผลิตในช่วงที่มีฝนตกชุก และไม่ได้รับแสงแดดในบางพื้นที่ ซึ่งการเก็บเกี่ยวข้าวต้นฤดูกําลังดำเนินการ และเสร็จสิ้นไปแล้วประมาณร้อยละ 40
ทั้งนี้ จากรายงานข่าวระบุว่า ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรแห่งประเทศจีน (the Chair Professor at China Agricultural University) ได้กล่าวในการประชุม World Economic Forum โดยระบุว่า จีนมีข้าวและข้าวสาลีเพียงพอ และรัฐบาลมีความพร้อมที่จะประกันความมั่นคงด้านอาหารในประเทศ และได้ตั้งข้อสังเกตว่าสต็อกข้าวที่มีอยู่สามารถตอบสนองความต้องการของประเทศได้นานกว่าหนึ่งปี โดยเขายังแนะนําว่าการกระจายความเสี่ยงโดยการนําเข้าจากหลากหลายแหล่งอาจเป็นกลยุทธ์ระยะยาวสำหรับความมั่นคงด้านอาหาร
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 เกษตรกรจีนได้ทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวต้นฤดู (2022 early rice crops) ไปแล้วประมาณร้อยละ 68.3 ของพื้นที่ โดยการเก็บเกี่ยวในมณฑล Hainan ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ในมณฑล Jiangxi, Hubei และ Guangdong เสร็จสิ้นไปแล้วประมาณร้อยละ 80 ซึ่งตามปกติแล้ว ข้าวต้นฤดูจะมีการเพาะปลูกในช่วงเดือนมีนาคม-กรกฎาคม และเก็บเกี่ยวช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม โดยปีนี้คาดว่าผลผลิตข้าวฤดูนี้จะมีปริมาณทรงตัว ขณะที่ข้าวปลายฤดู (Late rice) จะทำการเพาะปลูกในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้มีการเพาะปลูกไปแล้วประมาณร้อยละ 27.6 ของพื้นที่เป้าหมาย
สำนักข่าว Bloomberg รายงานโดยอ้างอิงรายงานของศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ (the National Meteorological Center) ว่า พื้นที่การผลิตข้าวที่สำคัญในภาคใต้ของจีนจะเผชิญกับสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เอื้ออํานวยต่อการเก็บเกี่ยวปริมาณมากของข้าวต้นฤดูที่โตเต็มที่ ซึ่งสภาพอากาศที่ร้อนจะไม่เอื้ออํานวยต่อผลผลิตที่อยู่ในช่วงระยะแก่ของเมล็ด (การสะสมน้ำหนักเมล็ด) เนื่องจากอาจทำให้พืชเข้าสู่ระยะสุกเต็มที่ก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้อุณหภูมิที่สูงจะเผาผลาญเมล็ดข้าวตอนปลายในบางพื้นที่ด้วยเช่นกัน
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.25 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.32 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.68 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.90 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 7.91 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.13
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 11.80 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 12.02 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.83 ส่วนราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 327.00 ดอลลาร์สหรัฐ (11,936.00 บาท/ตัน)  ลดลงจากตันละ 335.00 ดอลลาร์สหรัฐ (12,193.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.39 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 257.00 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกันยายน 2565 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 602.00 เซนต์ (8,740.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 588.00 เซนต์ (8,537.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.38 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 203.00 บาท


 


มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2565 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – กันยายน 2565) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 10.179 ล้านไร่ ผลผลิต 34.691 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.408 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 10.406 ล้านไร่ ผลผลิต 35.094 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.372 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยวและผลผลิต ลดลงร้อยละ 2.18 และร้อยละ 1.15 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.07 โดยเดือนกรกฎาคม 2565 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 0.673 ล้านตัน (ร้อยละ 1.94 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2565 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2565 ปริมาณ 20.48 ล้านตัน (ร้อยละ 59.04 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดน้อย สำหรับโรงงานแป้งมันสำปะหลัง
เป็นช่วงการปิดเพื่อปรับปรุงเครื่องจักร
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.73 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 2.76 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.09
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.91 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.77 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.07
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ9.17 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 9.18 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.11
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.40 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 17.50 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.57
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 280 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10,260 บาทต่อตัน) ราคาลดลงจากเฉลี่ยตันละ 282 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10,320 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.71
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 501 ดอลลาร์สหรัฐฯ (18,400 บาทต่อตัน) ราคาลดลงจากเฉลี่ยตันละ 504 ดอลลาร์สหรัฐฯ (18,430 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.60

 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2565 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกรกฎาคมจะมีประมาณ 1.565 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.282 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.665 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.300 ล้านตันของเดือนมิถุนายน คิดเป็นร้อยละ 6.01 และร้อยละ 6.00 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 6.36 บาท ลดลงจาก กก.ละ 6.67 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.65 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 35.67 บาท ลดลงจาก กก.ละ 38.15 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 6.50                                   
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มมาเลเซียเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่เพิ่มขึ้นและค่าเงินริงกิตมาเลเซียที่อ่อนตัวลง โดยราคาซื้อขายอ้างอิง เดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.98 อยู่ที่ 3,824 ริงกิตมาเลเซีย ค่าเงินของมาเลเซียอ่อนตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560 เนื่องจากนโยบายทางการเงินของสหรัฐอเมริกาที่คุมเข้มมากขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าในระยะสั้นราคาน้ำมันปาล์มจะยังคงลดลง เนื่องจากการพยายามเพิ่มปริมาณการส่งออกของอินโดนีเซีย
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 3,934.57 ริงกิตมาเลเซีย (32.88 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 3,821.24 ริงกิตมาเลเซีย (31.92 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.97 
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,080 ดอลลาร์สหรัฐฯ (39.85 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,233 ดอลลาร์สหรัฐฯ (45.46 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 12.41
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน

 


อ้อยและน้ำตาล

1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ

         
ไม่มีรายงาน

2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ    

กรรมาธิการน้ำตาลของรัฐมหาราษฏระของประเทศอินเดียคาดการณ์ว่า ผลผลิตอ้อยของรัฐในปี 2565/2566 จะสูงเป็นประวัติการณ์ สาเหตุหลักมาจากพื้นที่เพาะปลูกอ้อยที่สูงขึ้นในรัฐมราฐวาดา ซึ่งจะนำไปสู่การผลิตน้ำตาล 13.8 ล้านตัน และ 1.2 ล้านตันของน้ำตาลที่นำไปผลิตเอทานอล สมาคมโรงงานน้ำตาลเวสต์อินเดีย (WISMA) แจ้งว่าราคาเอทานอลของรัฐบาลอินเดียจำเป็นต้องเพิ่มขึ้น 5-7% เพื่อให้สามารถแข่งขันกับน้ำตาลและให้แน่ใจว่ามีอุปทานเพียงพอที่จะผสมกับเชื้อเพลิง WISMA ประมาณการว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำตาล 2 ล้านเมตริกตันไปยังเอทานอลในรัฐมหาราษฏระ
โรงงานในภาคกลาง-ใต้บราซิล หีบอ้อย 46.35 ล้านตันในครึ่งแรก ของเดือนกรกฎาคม ลดลง 0.48% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามรายงานของ UNICA และผู้อำนวยการตั้งข้อสังเกตว่าการเก็บเกี่ยวเริ่มฟื้นตัวหลังจากที่เดินช้ากว่าปีที่แล้ว แม้ว่าฤดูกาลจะต้องใช้เวลาหีบนานกว่าปีที่แล้วที่ผลผลิตจะเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ผลผลิตน้ำตาลที่ประมาณ 2.98 ล้านตัน ลดลง 0.12% ซึ่งทำให้ยอดรวมสะสมอยู่ที่ 12.66 ล้านเมตริกตัน ลดลง 17.38% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในทางกลับกัน การผลิตเอทานอลในสองสัปดาห์เพิ่มขึ้น 2.23% ที่ 2.23 พันล้านลิตร ซึ่งทำให้ยอดรวมจนถึง 11.25 พันล้านลิตร ลดลง 5.44% เมื่อเทียบเป็นรายปี



 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,566.08 เซนต์ (21.23 บาท/กก.)สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,434.88 เซนต์ (19.44 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 9.14
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 478.76 ดอลลาร์สหรัฐฯ (17.67 บาท/กก.)สูงขึ้นจากตันละ 434.38 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16.02 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 10.22
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 63.21 เซนต์ (51.41 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 60.81 เซนต์ (49.42 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.95


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

 

 
ถั่วลิสง

 

 
ฝ้าย

   1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
    ราคาที่เกษตรกรขายได้
    ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ ไม่มีการรายงานราคา
    ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
    ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนตุลาคม 2565 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 100.51 เซนต์(กิโลกรัมละ 81.75 บาท) เพิ่มขึ้นจากปอนด์ละ 100.01 เซนต์ (กิโลกรัมละ 81.28 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.50 (เพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.47 บาท)
 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,717 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,767 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.83 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,329 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,332 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.25 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 963 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์
 
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  103.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 103.43  คิดเป็นร้อยละ 0.07 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 94.97 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 94.83 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 109.08 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 103.54 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 3,600 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 100.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 48.21 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 48.30 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.09 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 42.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 49.47 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 19.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 46.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 61.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 331 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 319 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 324 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 335 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 339 บาท ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.72 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 3.66 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.64 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 372 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 373 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.34 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 398 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 387 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 346 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 344 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 4.15 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 100.34 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 99.78 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.56 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 98.58 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 102.99 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 91.40 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 109.29 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 82.86 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 82.51 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.42 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 91.67 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 81.16 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
 
 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 25 - 31 กรกฎาคม 2565) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 43.20 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 61.13 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 17.93 บาท เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.91 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 81.85 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.94 บาทเนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 149.99 บาท ราคาราคาลดลงเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 150.36 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.37 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลงเล็กน้อย
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 154.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 155.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.00 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 69.22 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 66.70 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.52 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 84.29 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.71 บาท
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 205.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 245.71 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 40.71 บาท
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.89 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.00 และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา